การขยายตัวการค้ารูปแบบใหม่… Community Mall คืออะไร ทำไมฮิต?
06 กรกฎาคม 2560
“Whoever said money doesn’t buy happiness didn’t know where to shop! “
"คนที่บอกว่าเงินซื้อความสุขไม่ได้นะ คงเพราะเค้าไม่รู้จักแหล่งชอปปิ้งต่างหากละ!”
(ภาพจาก www.skyscrapercity.com)
คำพูดสุดจัดจ้านจากตัวละครหนึ่งในซีรี่ย์ gossip girl ที่อธิบายความคลั่งไคล้เรื่องการชอปปิ้งในหมู่สาวขาชอปได้แบบโดนใจ แน่นอนว่าการชอปปิ้งเป็นกิจกรรมที่พวกเธอสามารถทำได้แบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย การออกสำรวจตรวจตราเพื่อเสาะหาของดี ของสวยงามด้วยความเต็มใจ แล้วถ้ายิ่งเหลือบไปเห็นป้าย Sale สีแดงขนาดใหญ่ ยิ่งเป็นเหมือนสัญญาณลั่นกลองสะบัดชัยสู่สงครามการจับจ่ายของพวกเธอ การเดินเล่นออกชอปปิ้ง ซื้อหาข้าวของในแหล่งย่านร้านค้าจึงขึ้นแท่นเป็นงานอดิเรกยอดฮิตในใจสาวๆ หลายคน
แต่รู้หรือไม่ Community Mall คืออะไร
แม้ชื่อเรียกที่แปลกหูทำให้หลายคนอาจจะยังสงสัย แต่ขอบอกเลยว่า จริงๆ แล้วมันอาจจะอยู่ใกล้ตัวจนคุณอาจจะร้อง “อ๋อออออ..”
(ภาพจาก www.skyscrapercity.com)
Community Mall เป็นรูปแบบการค้าปลีกน้องใหม่ที่เกิดขึ้นจากความต้องการสร้างบรรยากาศความแตกต่างในศูนย์การค้าขนาดใหญ่ โดยผู้ค้าปลีกรายย่อยทั้งจากภาคเอกชนและร้านค้าชุมชน กลายมาเป็นศูนย์การค้าในขนาดที่เล็กลง การลงทุนก็น้อยลง เพื่อสามารถแฝงตัวอยู่ตามชุมชนเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ ผู้ประกอบการจึงหันมาปรับทิศทางธุรกิจให้มีขนาดที่เล็กลง แฝงตัวอยู่ตามชุมชน เน้นการเข้าถึงได้ง่ายและตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในปัจจุบันที่มีวิถีชีวิตที่เร่งรีบ มีสิ่งอำนวยความสะดวก ร้านค้า ร้านอาหาร และซุปเปอร์มาร์เก็ตเป็นหลัก และเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น เราขอยกตัวอย่างชื่อ Community Mall ที่น่าจะคุ้นหูกันอยู่แล้ว ทั้ง K Village, Asiatique The Riverfront, The Crystal หรืออย่าง The Circle Ratchapruk เป็นต้น
(ภาพจาก www.skyscrapercity.com)
ที่ไหนมีคน ที่นั่นมีความเจริญ
Community Mall มีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 4 - 5 ปีที่ผ่านมา ขยายตัวจากทำเลย่านชุมชนพักอาศัย มีประชากรไหลเวียนสูงในเขตกรุงเทพชั้นในออกสู่พื้นที่ถนนรอบนอกเมือง เขตปริมณฑล ถนนรอบหัวเมืองใหญ่ต่างๆ ภายใต้คอนเซปดีไซน์พิเศษ ช่วยสร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้คนจดจำและเพิ่มแรงดึงดูดผู้คนในรัศมีการบริการ ได้เข้ามาใช้งานโดยไม่ต้องเดินทางเข้ามาถึงห้างใหญ่ในตัวเมืองอีกต่อไป
(ภาพจาก www.skyscrapercity.com)
“ที่ไหนมีคนอยู่เยอะ ที่นั่นจะมีความเจริญเข้าไปรองรับ” เป็นหลักการที่บรรดาผู้บริหารกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ใช้ในการเลือกทำเลสร้าง Community Mall มอบหมายหน้าที่ให้เป็นแม่เหล็กดูดเงินในกระเป๋าของผู้คนให้ออกไปจับจ่ายใช้สอยได้ตั้งแต่เวลามื้อค่ำจนถึงช่วงวันหยุดพักผ่อน ซ้ำแล้วมันยังช่วยเพิ่มมูลค่าและราคาให้กับโครงการหมู่บ้านที่พักอาศัยของนักลุงทุนได้อีกต่อ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะสังเกตุเห็นว่ามีหมู่บ้านโครงการเกิดขึ้นใหม่ในถนนเส้นนอกเมือง บวกเพิ่มมาเป็นแพคเกจกับร้านค้า โครงการน้อยใหญ่ ศูนย์การค้าแบบ Community Mall มาคอยให้บริการความสะดวกให้ชาวเมืองผู้รักความสบายอย่างพวกเรา
ข้อได้เปรียบจากสถาปัตยกรรมที่แตกต่าง
ช่องว่างระหว่างตลาดกับห้างใหญ่ – จุดสังเกตนึงที่เราเห็นได้ชัดเจนของรูปแบบสถาปัตยกรรมของ Community Mall ก็คือการสลายความเป็นกลุ่มก้อนจากห้างใหญ่ให้บางลง ปรับเป็นพื้นที่แบบกึ่ง idoor กึ่ง outdoor มีพื้นที่เช่าของร้านค้าโครงการในห้องปิดติดเครื่องปรับอากาศ แต่ทางเดินและพื้นที่ส่วนกลางถูกผลักมาอยู่ด้านนอก ไม่สร้างอาคารขึ้นมาปิดล้อมครอบทั้งหมดเอาไว้แบบศูนย์การค้าใหญ่ ซ้อนชั้นอาคารกันไม่สูงมาก เน้นการสร้างพื้นที่แผ่ขยายกันในทางราบ ช่วยลดต้นทุนการบริหารจัดการอาคารในระยะยาว สร้างบรรยากาศการใช้งานที่ไม่ต้องเป็นทางการมากนัก เชื้อเชิญให้กลุ่มเป้าหมายผู้ใช้งานอยากจะเลี้ยวแวะเข้ามาเดินดูของก่อนกลับบ้านแบบชิลๆ หามุมนั่งเล่นสัมผัสกับลมเอื่อยๆ ที่ด้านนอกหรือจะหลบร้อนเข้าไปรับลมปรับอากาศเย็นจากข้างใน อาศัยช่องว่างของความขาด-เกินของตลาดเล็กกับห้างใหญ่ วางตำแหน่งให้ตัวเองเป็นเหมือนตลาดขายสินค้าที่เดินสบาย เข้าถึงง่าย แต่ก็มีความสะดวกสบายและสินค้าบริการที่หลากหลายมาคอยตอบสนองความต้องการคนยุคใหม่ได้ครบครัน
พื้นที่ตลาดนัดเฉพาะกิจ
เรากำลังพูดถึงอีเวนต์ ตลาดนัดเฉพาะกิจคนเมืองแบบ flea market ที่มีจัดแทบจะทุกสัปดาห์ในกรุงเทพ งานซ้อนงานแบบต่อเนื่องไม่มีพัก เนื่องจากใน Community Mall ส่วนใหญ่มักจะมีลานเปิดโล่งส่วนกลางอยู่แล้ว จึงถูกนำมาปรับใช้ให้เหล่าผู้จัดกิจกรรมมาเช่าพื้นที่ สร้างอีเวนต์ดึงดูดใจให้เงินในกระเป๋าเหล่านักชอปไหลเทออกมา เพราะรู้ว่าคนไทยเราชอบเดินเล่น เลยสร้างตลาดร้านค้าภายนอกไว้ยั่วยวนเรียกความสนใจ อย่างน้อยลูกค้าก็อาจเผลอไผลเข้าไปเดินดูหยิบจับของขาย และปิดจ๊อบงานขายด้วยสถานะล้มละลายแบบไม่ตัว
(ภาพจาก bangkok.oneplace.events)
รูปแบบการจัดตลาดนัดเฉพาะกิจคนเมืองแบบ flea market นี้ก็เป็นที่นิยมในแผนการตลาดของบรรดาห้างร้านค้าขนาดใหญ่ด้วยเหมือนกัน จัดงานกิจกรรมภายนอกเพื่อให้เกิดกระแสการใช้งานไหลเวียนจำนวนมาก เพื่อดึงดูดคนให้เข้าไปชอปต่อภายในห้างอีกทอดนึง
(ภาพจาก www.skyscrapercity.com)
แหล่งนัดพบคนรุ่นใหม่
รูปแบบฟังชั่นการใช้งานของ Community Mall ในตัวเมืองหลักถูกวางตำแหน่งเป็น แหล่งนัดพบ ของกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ มักออกแบบคอนเซปพูดถึงเรื่องประสบการณ์ที่แปลกใหม่ๆ มาในลุคบรรยากาศแบบสบายๆ ดูเป็นมิตร ลดความเป็นทางการ ความฟู่ฟ่าจากสินค้าแบรนด์เนมหรู เน้นพื้นที่พักผ่อนส่วนกลางสำหรับการพูดคุย สังสรรค์ ใช้ต้นไม้ใบขียวช่วยเสริมความเป็นธรรมชาติให้เกิดขึ้นในพื้นที่โครงการ
(ภาพจาก www.skyscrapercity.com)
แทรกตัวอย่างทั่วถึง
การใช้พื้นที่ก่อสร้างขนาดเล็กทำให้มันแทรกตัวอยู่ได้ในชุมชนที่มีผู้คนหนาแน่น สามารถเข้าถึงได้ง่ายและทั่วถึง อยู่ใกล้ออฟฟิศหรือติดบีทีเอส มีสิ่งอำนวยความสะดวกตอบสนองตามความต้องการในชีวิตประจำวัน นอกเหนือจากร้านค้า ร้านอาหาร ก็ยังมีธนาคาร ร้านจำหน่ายสินค้าเฉพาะทาง หรือแบรนด์ร้านค้าที่ไม่มีอยู่ในห้างสรรพสินค้าไซส์ใหญ่ทั่วไปมารวมไว้ที่ Community Mall เสียแทน ช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคมากขึ้น
ตัวอย่าง Community Mall น่าสนใจในกรุงเทพ
Asiatique The Riverfront ภายใต้แนวคิดการเป็นแหล่งช้อปปิ้งริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย สอดแทรกเรื่องราวประวัติศาสตร์การค้าขายวิถีชีวิตริมน้ำของคนไทยในยุคล่าอาณานิคม อ้างอิงความเจริญของสถาปัตยกรรมในสมัยนั้น ออกมาเป็นการปรับปรุงโกดังเก่าริมแม่น้ำเจ้าพระยากลับมามีชีวิตชีวา โดยยังรักษาโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมในสภาพเดิมไว้เกือบทั้งหมด
CDC หรือ Crystal Dedign Center เป็นดินแดนสำหรับคนที่ชอบงานดีไซน์และอุปกรณ์การตกแต่งบ้านตัวยง รวบรวมเอาสินค้าด้านการออกแบบจากทั่วทุกมุมโลกมาไว้กว่า 500 โชว์รูม ให้เราสามารถเข้าไปเดินหาไอเดียการตกแต่งแบบใหม่ๆ หา inspire แรงบันดาลใจให้ซื้อสินค้ากลับมาเพิ่มความสวยงามในบ้านของตัวเอง
Rain Hill เป็น Community Mall ที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสวนแนวดิ่งหรือ Vertical Garden และกำแพงม่านน้ำตกความสูงกว่า 30 เมตร แหล่งแฮงค์เอาท์ของคนเมืองย่านสุขุมวิทที่เดินเท้าจากรถไฟฟ้าบีทีเอสเพียงไม่กี่นาที ความสะดวกสบายแบบนี้ เลยทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่สังสรรค์หลังเลิกงานยอดฮิตของมนุษย์ออฟฟิศรุ่นใหม่หลายๆคน
แม้จะมีข้อได้เปรียบทางยุทธศาสตร์จากรูปแบบสถาปัตยกรรมมากกว่าการค้าแบบเดิมที่เคยมีมา อาศัยช่องโหว่งเดิมในตลาดซื้อขาย เข้ามาสร้างบรรยากาศที่แปลกใหม่ เป็นแหล่งชอบปปิ้งที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่จุดเด่นที่มีเหล่านั้นอาจถูกบดบังลงไปด้วย Community Mall จำนวนมากที่ผุดขึ้นมาแย่งกลุ่มลูกค้ากันเสียเอง…. แต่อย่างไรเสีย อาคารประเภทนี้ก็ไม่น่าแทนที่ห้างสรรพสินค้าที่เราๆคุ้นเคยได้ เพราะมีความครบครันมากกว่า นอกเสียจากต่อไป Community Mall เหล่านี้ จะเพิ่มการใช้งาน ร้านค้า ให้ครับครันเท่าเทียม เมื่อนั้น อาคารใหญ่แบบห้างใหญ่ อาจไม่มีใครอยากได้แล้ว… ก็เป็นได้
ขอบคุณข้อมูลจาก: www.dsignsomething.com