โดยคุณชานนท์ เรืองกฤติยา CEO บริษัท อนันดา ดิเวลลอปเม้นต์ จำกัด (มหาชน)

คุณชานนท์ เรืองกฤติยา กล่าวถึง อนาคตทิศทางอสังหาฯ ของเมืองไทยจะเป็นไปในทิศทางไหน เราเรียนรู้อะไรจากอดีต ในประเด็นคิดต่างสร้างสรรค์ โดยได้เปิดมุมมองว่า ปัญหารถติดมีการเกิดขึ้นไม่ว่าจะโตเกียวหรือประเทศไทย

หลายคนจึงต้องการคืนเวลาให้ชีวิตด้วยการอยู่ใกล้ “รถไฟฟ้า” โมเดลอสังหาฯ ใกล้แหล่งทำเลทองนี้จึงเกิดขึ้นมา และถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ต่อไปนับจากนี้ โมเดลนี้อาจไม่มีความหมาย

เพราะยุคได้เปลี่ยนไป... อาจไปสู่ยุคที่ไม่ต้องการอสังหาฯ อีกแล้ว ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้นับจากนี้

เมื่อพูดถึงยุค 4.0 ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนั้น อุตสาหกรรมจะเชยมาก เราไม่มีข้อมูลแรงงาน ไม่มีข้อมูลผู้รับเหมา ซึ่งในโลกที่เปลี่ยนแปลงไป หากเราไม่ปรับตัวพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น มัวเอาแต่ฝัน

อุตสาหกรรมบ้านเรานั้นอาจไม่ใช่ 4.0 แต่จะเป็น 0.4

ดูจาก Uber บริษัทที่ทำเครือข่ายคมนาคมที่ใหญ่ในซานฟรานซิสโก หรือ Faceboo, Airbnb ทำงานผ่านระบบรวมถึงฟอร์ดใช้เวลากว่า 100 ปีกว่าจะได้มาอยู่ในพอร์ต ความรุนแรงของการระดุมทุน การเปลี่ยนแปลงของการพัฒนา และเทคโนโลยีเริ่มร้อนแรงมากขึ้นทุกวัน

โดยได้เริ่มพูดถึงอสังหาฯ ในยุคปัจจุบันที่ค่อนข้างล้าสมัย ถ้าเราไม่ปรับตัวตามกระแส ตามความต้องการ เราอาจเจอบริษัทแบบอาโกด้า หรือ Uber บีบเราก็ได้

เราอยู่ในยุคที่เกิดการแชร์ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รถ ในอนาคตอาจจะมีการแชร์สิ่งต่างๆ ที่ง่ายสะดวกขึ้น รวมถึงการดำเนินธุรกิจต่างๆ คนเริ่มไม่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ อย่างบริษัทฟอร์ดกับโรงงานผลิตสินค้า ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบการแชร์มากขึ้น

ณ จุดนี้เองต้องกลับมาถามตัวเองแล้วว่า “เราอยู่ในธุรกิจอะไร” เราอยู่ในธุรกิจพัฒนาหรือสร้างทรัพย์สิน หรือให้บริการหรือเป็นเจ้าของโรงแรม จะเห็นได้ว่าทิศทางการแชร์เริ่มทำกำไรมหาศาล โลกเริ่มเปลี่ยนแปลงไป  อิฐหินปูนทรายอาจจะเลิกผลิต จะกลายเป็นการบริการหมด

เนื้อที่ที่มีอยู่ต่อไปสามารถพัฒนาได้เท่าตัว แม้ปัจจุบันจะให้ความสำคัญเรื่องเส้นทางคมนาคม รถไฟฟ้า อนาคตหากมี Drone เข้ามา ความต้องการเหล่านี้จะหมดไป รถความเร็วสูงอีกในอีก 10 ปีข้างหน้าอาจไม่สำคัญอีกแล้ว

ต้องยอมรับว่าปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรม เทคโนโลยีมีความสำคัญและเปลี่ยนแปลงในทางที่เร็วสะดวกขึ้น แน่นอนว่าอสังหาฯ ก็เปลี่ยนตาม คาดว่าในปี 2020 ที่จะถึงนี้โต้โยต้าอาจออก Drone ออกมาจำหน่าย และนี่คือโลกในอนาคต

สิ่งที่เราต้องมองตลอดเวลา พร้อมรับมือตลอดเวลา นั่นคือ “ความเปลี่ยนแปลง” ที่เร็วและแรงขึ้น โดยไม่ต้องถามชอบหรือไม่ชอบ เพียงแต่เราจะอยู่ได้หรือไม่ได้ต่างหาก โดยเน้นย้ำอีกว่า ต่อไปหลังจากนี้ ในปี 2045 คอมพิวเตอร์จะฉลาดกว่ามนุษย์ขึ้นมาก พร้อมเผยทิ้งท้ายให้แง่คิดอีกว่า...

ไม่ใช่คนที่แข็งแรงสุดจะชนะ แต่คนที่ปรับตัวได้เร็วที่สุดนั่นละจะชนะ

หากมัวแต่ดื้อปรับตัวไม่ทัน คงสูญพันธุ์เหมือนไดโนเสาร์แน่นอน!!