ค้นหาข้อมูลอสังหาริมทรัพย์

  • Projects
  • News
  • Property
  • How to

ทุนจีนบุกอสังหาฯลุยคอนโด-โรงแรม

07 กันยายน 2560

     กลุ่มทุนจีนเดินหน้าลงทุนอสังหาฯไทย รุกตลาดคอนโด-โรงแรม จับโอกาสธุรกิจขยายตัว เจาะนักท่องเที่ยว-กำลังซื้อตลาดจีนในไทย “คอลลิเออร์ส” ประเมิน ปี2558-2560 รวมเม็ดเงิน 7 หมื่นล้าน คาดลงทุนต่อเนื่อง 3-5 ปี เฉลี่ยปีละ 2-3 หมื่นล้าน

     ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ได้รับความสนใจเข้ามาขยายการลงทุนต่อเนื่องจากกลุ่มทุนต่างชาติ โดยเฉพาะช่วง 5 ปีที่ผ่าน กลุ่มทุนหลักมาจากเอเชีย นำโดย “ญี่ปุ่น” ปัจจุบันมีดีเวลลอปเปอร์หลายราย ที่ประกาศความร่วมมือไปแล้ว เช่น อนันดาฯ ร่วมทุน มิตซุย ฟูโดซัง, เอพี (ไทยแลนด์) ผนึก มิตซูบิชิ เอสเตท ,เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จับมือฮันคิว, แสนสิริ กับโตคิว คอร์ปอเรชั่น, ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ร่วมทุนกับ โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์

     ขณะที่กลุ่มทุนจากประเทศจีน เริ่มเข้ามาลงทุนอสังหาฯ อย่างชัดเจนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดย “คอลลิเออร์ส” ประเมินการลงทุนระหว่างปี 2558-2560 รวมมูลค่าอยู่ที่ 7 หมื่นล้านบาท โดยโปรเจคการลงทุนขนาดใหญ่ เช่น จงเทียน คอนสตรัคชั่น กรุ๊ป ร่วมทุนกับ เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ พัฒนาโครงการมิกซ์ยูสในพัทยา มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท , จุนฟา เรียลเอสเตท ร่วมทุน ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ พัฒนามิกซ์ยูส ในพังงาและหัวหิน มูลค่า 3,000 ล้านบาท , ธนาคารไชน่า ผิงอัน สนับสนุนสินเชื่อให้ คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเม้นท์ ในโครงการมิกซ์ยูส ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท , คันทรี่ การ์เด้น โฮลดิ้ง ร่วมทุน ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม พัฒนาคอนโดมิเนียม ในกรุงเทพฯ มูลค่า 6,800 ล้านบาท เป็นต้น

 

เน้นลงทุนคอนโด-โรงแรม

นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทคอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

     เปิดเผยว่ากลุ่มทุนจีน เริ่มเข้ามาลงทุนในตลาดอสังหาฯไทยชัดเจน ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้มีจำนวนไม่มาก เนื่องจากจีนเริ่มคุมเข้มการลงทุนอสังหาฯ ในประเทศ ทำให้แต่ละบริษัทมีข้อจำกัดด้านการขยายธุรกิจ แต่ยังจำเป็นต้องเติบโต จึงมองโอกาสการลงทุนในอาเซียนเป็นหลัก

โดยไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความพร้อมด้านการลงทุนอสังหาฯ ที่จีนสนใจ จากการเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวจีน ร่วมทั้งการขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมอื่นๆ และโครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการในไทย ทำให้เห็นโอกาสการลงทุนอสังหาฯ ที่จะเจาะกำลังซื้อทั้งตลาดไทยและจีน หากเป็นการลงทุนคอนโด จำนวนยูนิตสัดส่วนเกือบ 50% จะวางเป้าหมายทำตลาดจีน โดยมีกลุ่มเป้าหมายทั้ง นักศึกษาที่มาเรียนในไทย คนทำงานออฟฟิศ กลุ่มนักธุรกิจที่มาลงทุนในไทย รวมทั้งซื้อเพื่อลงทุน สำหรับเป็นทางเลือกการเข้าพักของนักท่องเที่ยวจีน กลุ่มที่เดินทางอิสระ(FIT) ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และไม่ได้เข้าพักในโรงแรม

     ทั้งนี้ รูปแบบการลงทุนอสังหาฯจีน เน้นกลุ่มที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม 70% และโรงแรม 30% มุ่งตลาดคอนโดต่ำกว่า 10 ล้านบาท (2 ล้านหยวน) เป็นหลัก ซึ่งถือเป็น ราคาที่ต่ำกว่าคอนโดในเมืองหลักของจีน ขณะที่การลงทุนโรงแรม ที่ผ่านมามี 1-2 ราย สำหรับทำเลการลงทุนทั้งคอนโดและโรงแรม เน้น กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ ซึ่งเป็นจุดหมายท่องเที่ยวที่คนจีนนิยม

 

ทุนญี่ปุ่น-จีน เดินหน้าบุกอสังหาฯไทย

       นายสุรเชษฐ กล่าวว่าปัจจุบันทั้งกลุ่มทุนญี่ปุ่นและจีน ต้องการหาพันธมิตรไทยเพื่อร่วมลงทุนในธุรกิจอสังหาฯ แต่ผู้ประกอบการไทยนิยมร่วมทุนกับญี่ปุ่นเป็นลำดับแรก เนื่องจากมีรูปแบบการพัฒนาที่อยู่อาศัย คอนโด ลักษณะเดียวกับไทย มีนวัตกรรมและการออกแบบที่น่าสนใจ

     ขณะที่รูปแบบคอนโดจีน เน้นออกแบบขนาดใหญ่ 2 ห้องนอน ซึ่งไม่เหมาะกับตลาดไทย การออกแบบอาจไม่ตรงกับสไตล์ที่คนไทยชื่นชอบ ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มมีความพร้อมด้านเงินทุนมีจำนวนมากพอๆกัน

     “เดิมรูปแบบการลงทุนคอนโดของจีน เน้นโปรเจคขนาดใหญ่ มูลค่า 6,000-7,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปได้ยากสำหรับโปรเจคลักษณะนี้ในไทย หรือต้องการพัฒนาโครงการบนที่ดินขนาด 10-20 ไร่ติดรถไฟฟ้า ซึ่งหาได้ลำบากมากและหากมีราคาที่ดินจะสูงมาก ตารางวา ละ 1 ล้านบาทขึ้นไป ทำให้พัฒนาโครงการให้คุ้มการลงทุนลำบาก”

     ขณะที่การลงทุนคอนโดส่วนใหญ่ในไทยจะอยู่ที่โครงการละ 2,000-3,000 ล้านบาท ราว 500 ยูนิต ปัจจุบันเริ่มเห็นการปรับตัวการลงทุนของกลุ่มอสังหาฯจีน ที่ลดขนาดโปรเจคลง ให้เหมาะสมกับการลงทุนและตลาดไทย

     “เชื่อว่าหลักจากนี้ จะเห็นการลงทุนอสังหาฯ จากกลุ่มทุนจีนมากขึ้น เช่นเดียวกับทุนญี่ปุ่น ที่ยังสนใจลงทุนอสังหาฯไทยอีกหลายราย และจะเห็นการประกาศร่วมทุนกับทั้งญี่ปุ่นและจีนเพิ่มอีกหลังจากนี้”

ลงทุนต่อเนื่องปีละ 2-3 หมื่นล้าน

     นายสุรเชษฐ กล่าวว่าประเมินการลงทุนอสังหาฯจีนในไทย ช่วง 2558-2560 มีมูลค่ารวม 7 หมื่นล้านบาท คาดว่าหลังจากนี้ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง อยู่ที่ปีละ 2-3 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับการลงทุนอสังหาฯของกลุ่มทุนญี่ปุ่นในไทยที่ปีละ 2-3 หมื่นล้านบาทเช่นกัน

     มองว่าในช่วง 3-5 ปีจากนี้ ทั้งทุนญี่ปุ่นและจีน ยังเดินหน้าลงทุนอสังหาฯไทยต่อเนื่อง โดยเป็นรูปแบบการลงทุนระยะยาว ที่ยังมีโอกาสเติบโต ทั้งนี้ เน้นการลงทุนคอนโดเป็นหลัก ส่วนโรงแรมจะเลือกทำเล เชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของตลาดจีน

     “กลุ่มทุนจีนที่ยังไม่เคยลงทุนในไทย หากต้องการลงทุนเพื่อให้ได้เงินคืนเร็วที่สุด จะลงทุนในคอนโด เป็นลำดับแรก มองว่าการลงทุนของกลุ่มทุนจีนในอสังหาฯไทย หลังจากนี้ ถือเป็นสัญญาณบวก”

 

ที่มา  :  กรุงเทพธุรกิจ 

4 กันยายน 2560

Share