นำเสนอวิสัยทัศน์ และความคิดเห็นของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
09 กันยายน 2563
คุณพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ (นายกสมาคมฯ)
คุณมีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ คุณวัชระ ปิ่นเจริญ
(กรรมการบริหารสมาคมฯ)
เข้าร่วมนำเสนอวิสัยทัศน์ และความคิดเห็นของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ในวันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน 2563
เวลา 9.30-11.30 น. ณ ห้องสีเขียว
ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
บทสรุปรายละเอียด 21 ข้อเสนอ ที่ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลายส่วน เสนอต่อ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 กันยายน ที่ผ่านมา
ส่วนจะมีผลตอบรับจากฟากรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆอย่างไรบ้าง ต้องรอติดตามกัน แต่ได้ข่าวว่า นายกฯ ดูตั้งใจรับฟังปัญหาอยู่
รอดูภาคปฏิบัติกับนโยบายที่จะออกมาแก้ปัญหากัน โดยส่วนตัวผมคิดว่า มีหลายต่อหลายข้อที่ภาครัฐน่าจะยอม และทำได้เลย แต่อีกหลายข้อนี่ คงใช้เวลาอีกเป็นปีในการปรับใช้
1.ขอให้ยกเลิกมาตรการ LTV ( Loan to Value)
ข้อนี้เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยครับ เพราะ LTV ไม่ได้กระทบเฉพาะตลาดคอนโด แต่แนวราบ รวมไปถึงที่อยู่อาศัยต่างจังหวัด ได้รับผลกระทบหมด เรื่องการเก็งกำไร กับ การลงทุน หรือ ความจำเป็นในการซื้อที่อยู่อาศัยหลังที่ 2,3 นี่ ต้องแยกกันให้ขาด และรู้จริงๆก่อนว่า “การเก็งกำไร” คืออะไร ถ้ายกเลิก LTV ผมเชื่อว่า ตลาดเด้งรับทันทีแน่นอน
2.การลดค่าธรรมเนียมการโอนจากเดิม 2% เหลือ 0.01% และลดค่าธรรมเนียมการจดจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1 % เหลือ 0.01 % สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด จากราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วย ขอให้ขยายเป็นระดับราคา 5 ล้านบาทหรือ ไม่จำกัดเพดานราคา
เพราะคอนโด ต่ำกว่า 3 ล้าน เอาจริงๆ มีไม่เยอะแล้ว ถ้าเพิ่มเพดานราคาประชาชน จะได้รับประโยชน์เพิ่มมากขึ้น และจูงใจให้ตลาดกลับมาคึกคักแน่นอน และยังควรต่ออายุจากธันวาคมนี้ ต่อไปอีก เพื่อกระตุ้นตลาด
3.ขอให้มีการปรับแก้กฎหมายการเช่าระยะยาวหรือลีสโฮลด์ จากปัจจุบัน 30 ปีเป็น 50 ปี การเพิ่มระยะเวลาการเช่าจาก 30 ปี เป็น 50 ปีในพื้นที่อื่นๆด้วย (ปัจจุบันกฎหมายได้กำหนดการเช่าะยะยาวในบางโซน เช่น พื้นที่สีแดง เพื่อการพาณิชย์ ที่กำหนดได้สิทธิการเชาระยะยาว 50 ปี) ซึ่งการแก้กฎหมายดังกล่าวน่าจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่ออำนวยความสะดวกต่างชาติซื้ออสังหาฯไทย
ต่างชาติมีกำลังซื้อ มีความต้องการซื้อที่อย่าอาศัยในไทยอยู่แล้ว ข้อเสนอนี้จะทำให้ต่างชาติตัดสินใจง่ายขึ้นอีก
4.การขยายเวลาหรือการออกวีซ่าให้ชาวต่างชาติมาลงทุนสามารถพำนักในไทยได้นานขึ้นเช่นสามารถพำนักได้เป็น 5 –10 ปี (โดยอาจมีเงื่อนไขกำกับด้วยก็ได้) ซึ่งวิธีนี้ก็จจะช่วยเพิ่มแรงจูงใจให้ต่างชาติซื้อคอนโดฯ ในไทยเป็นบ้านหลังที่สองมากขึ้นได้
หลายประเทศส่งเสริมการลงทุนด้วยวิธีนี้อยู่แล้ว เราใม่ควรเสียโอกาสในการดึงนักลงทุนชาวต่างชาติไปให้ประเทศอื่น
5.ขยายเพดานราคาบ้านบีโอไอ จากปัจจุบันที่กำหนดอยู่ที่ 1.2 ล้านบาท เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เอกชนเข้ามาลงทุนให้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
คอนโดราคา 1.2 ล้าน นี่ราคาต่ำเกินไป จะไปหาที่ดินที่ไหนมาสร้างได้ ราคาที่ดินไม่เคยลดลงเลย ควรจะเพิ่มราคาเพื่อให้ เอกชนสนใจมาลงทุนบ้าน BOI หรือ คอนโด BOI มากขึ้น จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยตรง
6. เสนอให้ตั้งหน่วยงานเพื่อแก้ไขปัญหาแบบ One-Stop-Service ในรูปแบบมีหน่วยงานกลางเข้ามาดูแลเกี่ยวกับภาคธุรกิจอสังหาฯโดยเฉพาะคล้ายๆกับ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19
7.ชูแคมเปญ Thailand Best Second Home ดึงต่างชาติซื้อซัพพลายล้น
เราได้เปรียบชาติอื่นมหาศาลในเรื่อง ทำเล ธรรมชาติ ค่าครองชีพ ควรจะดันให้สุดลิ่มเลยเรื่องนี้
8.ให้วีซ่าระยะยาวผู้ซื้ออสังหาฯ ต่างชาติตอยรับดีแน่นอน
9.เชื่อมระบบประกันสุขภาพของไทยกับต่างชาติ เพื่อรองรับการรักษาในไทย
10.จัดหาแหล่งทุน, ยกเว้นภาษี 1-3 ปีแรก จูงใจให้รายอื่นเข้าซื้อโครงการที่เริ่มขาดสภาพคล่องลดปัญหากิจการที่จะเกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในอนาคต
11.มอบอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดฟื้นเศรษฐกิจภายในไม่ต้องรอส่วนกลาง เก็บข้อมูลธุรกิจรายเดือนเพื่อแก้ไขได้ตรงจุด และร่วมหารือกับศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ จากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ ศบศ. อย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ปัญหาในเชิงรุกได้
12.ดึงคนสร้างบ้านตลาด 2 แสนล้านบาทกระตุ้นเศรษฐกิจ
13.ชูศูนย์กลางสำนักงานแห่งเอเชีย ดึงต่างชาติมาตั้งสำนักงาน รองรับซัพพลายมิกซ์ยูสกำลังสร้างจำนวนมากอีก 2-3 ปี
14.เปิดโอกาสให้เช่าที่ดินระยะยาว จาก 30 ปี 99 ปี เหมือนอีอีซี ในพื้นที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ
15.เปิดพื้นที่สีน้ำเงินของรัฐ ให้เอกชนเข้ามาลงทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยคนมีรายได้น้อย
16.จัดทำฐานข้อมูลการก่อสร้างอสังหาฯ ตั้งแต่ต้นทางเพื่อบริหารจัดการส่งเสริมอสังหาฯบนข้อมูลในอนาคต
17. ส่งเสริมชาวต่างชาติสูงวัย มาอยู่อาศัย,ท่องเที่ยวและฟื้นฟูสุขภาพ ในประเทศไทยมากขึ้น
18. ปรับมาตรฐานการจัดสรรที่ดินให้สอดคล้องกับราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้นมากในรอบกว่า 20 ปีที่ผ่านมา ด้วยการปรับลดพื้นที่ดินขั้นต่ำ บ้านแฝด จาก 35 ตารางวา เป็น 30 ตารางวา และการปรับลดพื้นที่ดินขั้นต่ำ บ้านเดี่ยว จาก 50 ตารางวา เป็น 40 ตารางวา
19. ผ่อนปรนการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โดยบ้านจัดสรร ที่มีขนาด 100 ไร่ หรือ 500 แปลง ควรปรับเพิ่มเป็น 200 ไร่ หรือ 1,000 แปลง และอาคารชุด ที่มีขนาด 79 หน่วย ควรปรับเพิ่มเป็น 240 หน่วย
20. ออกตราสารหนี้ระยะยาว ( BOND ) เป็นการเพิ่มสภาพคล่องในตลาด และช่วยเหลือสถาบันการเงิน อีกทั้งควรตั้งบรรษัทบริหารสินทรัพย์ขึ้นมาเพื่อรับซื้อหนี้เสีย ซึ่งรัฐบาลสามารถดำเนินการได้
21.เน้นการปฏิรูป กรมที่ดิน, หน่วยงานสังกัดกระทรวงมหาไทย , บีโอไอ,คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ,กทม.และหน่วยงานในสังกัดขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น
FANPAGE โอภาส ใหญ่ HI - Happy Investor
ขอขอบคุณข้อมูลจาก prop2morrow