ยักษ์บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จากเกาหลีใต้ ญี่ปุ่นและสิงคโปร์ รุกเข้าเวียดนามหาโอกาสลงทุนในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กำเงินซื้อกิจการและโครงการอาคาร ทั้งที่สร้างเสร็จแล้ว เริ่มก่อสร้างและยังไม่ก่อสร้างเน้นกรุงฮานอยและโฮจิมินห์ซิตี

         หนังสือพิมพ์เวียดนามนิวส์ รายงานว่า บริษัทต่างชาติล่าสุดที่รุกเข้าสู่เวียดนามเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์คือบริษัทบริหารหลักทรัพย์ Mirae Asset Securities จากเกาหลีใต้ ซึ่งประกาศเมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่าได้ร่วมกับบริษัทลงทุน AON Holdings ซื้อกิจการโครงการก่อสร้างอาคารเคียงนัมฮานอยแลนด์มาร์กทาวเวอร์ (Keangnam Hanoi Landmark Tower)

         โครงการเคียงนัม ประกอบด้วยอาคารสำนักงานสูง 72 ชั้น 1 หลังและอาคารคอนโดมิเนียมสูง 48 ชั้น 2 หลังตั้งอยู่บนพื้นที่รวม 46,054 ตารางเมตรติดถนนฝั่มหุ่ง ชานกรุงฮานอย ใช้เงินลงทุน 1,050 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 37,800 ล้านบาท) โดยอาคารสำนักงานซึ่งเป็นจะเป็นตั้งของสำนักงานใหญ่บริษัทต่างชาติชั้นนำอาทิ บริษัท เคพีเอ็มจีฯ บริษัทสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดฯ แอลจี อีเล็คทรอนิคส์ นั้นเป็นอาคารที่สูงที่สุดในคาบสมุทรอินโดจีน

         เวียดนามนิวส์ระบุว่า บริษัททั้งสองจะใช้เงินในการซื้อกิจการร่วม 700,000 ล้านวอน (ประ 21,441 ล้านบาท) โดย AONฯ จะลงเงิน 400,000 ล้านวอน (ประมาณ 12,252 ล้านบาท) ส่วน Mirae จะลงเงินประมาณ 300,000 ล้านวอน (ประมาณ 9,189 ล้านบาท) ซึ่งถือเป็นการลงทุนในต่างประเทศครั้งใหญ่ของบริษัทหลักทรัพย์บนฐานสินทรัพย์จากเกาหลีใต้แห่งนี้

         เวียดนามนิวส์ระบุว่าในช่วงต้นปี ก่อนหน้าการเข้ามาของบริษัท Mirae บริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากสิงคโปร์คือ แคปิตอลแลนด์ ได้ซื้อโครงการ ซัมเมอร์เซตวิสต้าแอนด์วิสต้าวอล์ก ในกรุงโฮจิมินห์ซิตี จากบริษัท เหงียนบินห์คอมเมอร์เชียลจอยสต็อกฯไปในราคา 46.5 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,674 ล้านบาท)

         ซัมเมอร์เซตวิสต้าแอนด์วิสต้าวอล์ก เป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ขนาด 100 ห้องและพื้นที่พาณิชย์ในอาคารสูง 3 ชั้น ใจกลางย่านธุรกิจในกรุงโฮจิมินห์ซีตี โดยแคปิตอลแลนด์มีบริษัทบริหารเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์คือแอสคอต เป็นบริษัทในเครือและบุกตลาดเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ในอาเซียนและทั่วโลก

         นอกจากแคปิตอลแลนด์แล้ว เวียดนามนิวส์ ระบุว่าบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่อีกรายหนึ่งจากสิงคโปร์คือ เคปเปลแลนด์ ได้รุกลงทุนในเวียดนามอย่างต่อเนื่องโดยล่าสุดได้ซื้อโครงการ เอ็มไพร์ซิตี จากบริษัท แถงห์โฝเดอหวุงฯ (Thanh Pho De Vuong) จอยเวนเจอร์ไปแล้วในราคา 93.9 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,380 ล้านบาท)

         เวียดนามนิวส์ ระบุว่าการซื้อกิจการบริษัทเจ้าของสินทรัพย์ประเภทอาคารและบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ผู้ดำเนินโครงการพัฒนาโครงการต่าง ๆ นั้นขณะนี้คึกคักมากโดยมีบริษัทจากเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ทั้งรายที่ตั้งหลักอยู่ก่อนหน้านี้แล้วและรายใหม่ ๆ เข้ามาสำรวจตลาดอย่างต่อเนื่องโดยสนใจทั้งที่สร้างเสร็จแล้ว กำลังสร้างและยังเป็นโครงการอยู่ในกระดาษซีบีอาร์อี เวียดนาม ซึ่งเป็นบริษัทตัวแทนขายและวิเคราะห์อสังหาริมทรัพย์ รายงานว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเวียดนาม ช่วงไตรมาสแรกปีนี้ กำลังอยู่ในกระแสของการซื้อและควบรวมกิจการโดยคาดว่ามูลค่ารวมน่าจะอยู่ในระดับ 1,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 36,000 ล้านบาท) หรือมากกว่านั้น

         นักวิเคราะห์ระบุว่า การซื้อและควบรวมกิจการในช่วงนี้ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะสภาพคล่องในตลาดเงินมีสูงและอัตราดอกเบี้ยต่ำ ขณะที่มีโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพเหมาะสมไม่มาก โดยบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่นิยมซื้อโครงการที่ได้รับใบอนุญาตแล้วเนื่องจากไม่ต้องการเสียเวลาในขั้นตอนการขออนุญาตซึ่งมีความยุ่งยาก

         นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่า กระแสการซื้อและควบรวมกิจการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย โดยรัฐบาลเวียดนามได้ออกประกาศกฤษฎีกาที่ 76/2015 ND-CP เกี่ยวกับกฎหมายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยอนุญาตให้นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์สามารถขายโครงการหรือบางส่วนของโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้

ขอบคุณข้อมูลจาก: www.thansettakij.com