ค้นหาข้อมูลอสังหาริมทรัพย์

  • Projects
  • News
  • Property
  • How to

(31-10-2560) : นิวซีแลนด์เตรียมออกกฎห้ามต่างชาติซื้ออสังหาฯ หลังราคาพุ่งจนคนในประเทศแทบซื้อไม่ไหว

31 ตุลาคม 2560

     ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เจซินดา อาร์เดิร์น ผู้นำหญิงคนใหม่ของประเทศนิวซีแลนด์ เปิดเผยว่า เธอวางแผนที่จะออกกฎห้ามชาวต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศนิวซีแลนด์ โดยเธอกล่าวโทษว่าเพราะการเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติ ทำให้ราคาอสังหาฯในประเทศพุ่งทะยานจนคนนิวซีแลนด์เองไม่สามารถเข้าสู่ตลาดอสังหาฯได้

     โดยอาร์เดิร์นที่เพิ่งก้าวเข้ามารับตำแหน่งหมาดๆ กล่าวระหว่างการแถลงข่าวว่า นักลงทุนต่างประเทศจะถูกล็อกออกจากตลาดอสังหาฯในปีหน้า

“นี่เป็นการแก้ปัญหาที่เรียบง่ายและเป็นหนทางที่สะอาด ที่เราดำเนินการเพื่อผลประโยชน์ของผู้ซื้อบ้านในนิวซีแลนด์” อาร์เดิร์นกล่าว และว่า ภายใต้กฎดังกล่าว รัฐบาลจะจัดประเภทที่อยู่อาศัยตาม “ความสำคัญ” และอาจจะมีการทดสอบผู้ซื้อด้วย

     ทั้งนี้ ราคาอสังหาริมทรัพย์ในนิวซีแลนด์พุ่งทะยานขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผลจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ และการลงทุนจากต่างประเทศ

โดยจากงานวิจัยโดยบริษัท Demographia ranked Auckland ระบุว่า นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่ราคาที่อยู่อาศัยแพงเป็นอันดับ 4 ของโลก

     ขณะที่ข้อมูลจากธนาคารกลางระบุว่า ราคาบ้านในปีนี้แพงขึ้นประมาณ 10% และอัตราการเป็นเจ้าของบ้านก็น้อยลงด้วย นอกจากนี้ ยังพบว่าปัจจุบันมีชาวนิวซีแลนด์เป็นเจ้าของบ้าน 60% ของทั้งหมด ลดลงจาก 75% ในปี 1992

ทั้งนี้ กฎใหม่ดังกล่าวจะไม่ครอบคลุมไปถึงที่ดิน หรืออสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่ได้สร้าง และยังไม่ใช้กฎนี้กับชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศและชาวออสเตรเลียด้วย

     อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังตั้งคำถามว่า นโยบายดังกล่าวจะมีประสิทธิภาพจริงหรือไม่

“นี่เป็นเทรนด์ส่วนใหญ่ของโลกที่รัฐบาลต่างมองหาผู้ซื้อชาวต่างชาติและสิ่งที่ลูกค้าเหล่านี้สามารถซื้อได้” โซฟี ชิค หัวหน้าทีมวิจัยบริษัทอสังหาฯในออสเตรเลียกล่าว

     ขณะที่ออสเตรเลียเองก็พยายามที่จะแก้ปัญหาราคาอสังหาริมทรัพย์ในตลาดด้วยมาตรการต่างๆ เช่น กฎรูปแบบเดียวกับนิวซีแลนด์คือนักลงทุนต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์

“แม้ว่าจะมีกฎดังกล่าว เราก็จะเห็นราคาพุ่งขึ้นเรื่อยๆ อยู่ดี” ชิคกล่าว และว่า นักลงทุนต่างชาติจำนวนมากมักลงทุนในอสังหาฯใหม่ๆ ที่ยังไม่สร้าง ซึ่งไม่รวมอยู่ในกฎนั้น

 

ที่มา  :  ประชาชาติธุรกิจ

31 ตุลาคม 2560

Share