ค้นหาข้อมูลอสังหาริมทรัพย์

  • Projects
  • News
  • Property
  • How to

"สมาคมอสังหาฯ หนุนสิทธิ์ต่างชาติซื้อบ้าน-ที่ดินในไทย"

12 กรกฎาคม 2565

          สมาคมอสังหาฯ เปิดทางให้สิทธิ์ต่างชาติซื้อบ้าน-ที่ดินในไทย หวังโกยเม็ดเงินเข้าระบบในประเทศ แนะภาครัฐขยายกฎหมายเช่าที่ดินมากกว่า 30 ปี เอื้อผู้ประกอบการอสังหาฯมีรายได้เพิ่ม พัฒนาเช่าที่ดินต่อเนื่อง

          นายมีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยในงานสัมมนา PROPERTY INSIDE 2022 ทางรอดอสังหาฯ หลังโควิด-ไฟสงคราม ช่วงต่างชาติ…ทางรอดอสังหาฯไทย? ว่า ที่ผ่านมาภาพรวมอสังหาริมทรัพย์โต 10 ปี อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) โตต่อเนื่องในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ถือป็นยุคทองของอสังหาฯ แต่ในช่วงหลังกลับชะลอตัว ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าภาพรวมธุรกิจอสังหาฯโต เพราะคนมีรายได้เพิ่มขึ้น อย่างพื้นที่อีอีซีที่เห็นได้ชัดเจน ซึ่งเป็นช่วงที่มีหลายอุตสาหกรรมเข้าไปให้บริการในพื้นที่ดังกล่าว เช่น นิคมอมตะนคร ทำให้ผู้คนที่ทำงานมีรายได้และมีโบนัสเพิ่มขึ้น รวมทั้งภาคการส่งออกของธุรกิจโต ส่งผลให้มีรายได้จับจ่ายใช้สอยเพื่อซื้อบ้าน

          ขณะเดียวกันการการปล่อยสินเชื่ออสังหาฯ ในช่วงปี 2550 มีสัดส่วนหนี้สินครัวเรือนอยู่ที่ 50% แต่ปัจจุบันมีหนี้สินครัวเรือนอยู่ที่ 90% เท่ากับว่ามีการใช้สินเชื่อค่อนข้างเยอะ หลังจากนี้ในอนาคตจะไปอย่างไรเป็นที่ทราบดีว่าภาพรวมอสังหาฯในช่วงนี้มีผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงหลายเรื่อง เช่น ปัญหาดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ,การเข้าถึงสินเชื่อ,สังคมผู้สูงอายุ, แนวโน้มอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป อาจหันมาเพิ่งภาคการท่องเที่ยวแต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะกลับมาเมื่อไร เป็นที่น่าเป็นห่วงว่าเราจะเดินต่อไปอย่างไร

          ที่ผ่านมาหากมองดูประเด็นสำคัญในธุรกิจอสังหาฯ อยู่ภายใต้เงื่อนไขเดิมๆมาตลอด โดยเฉพาะเรื่องสัญญาเช่าพบว่าตั้งแต่มีกฎหมายเกี่ยวกับการเช่าที่ดิน มีการกำหนดอายุสัญญาเช่า 30 ปี ปัจจุบันหลายธุรกิจไม่สามารถรีเทิร์นได้ เนื่องจากเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้หลายธุรกิจดำเนินการได้ลำบาก หากมีความเป็นไปได้อยากให้ภาครัฐมีการขยายอายุสัญญาเช่าที่ดินเกิน 30 ปี เพื่อให้ผู้ประกอบการที่มีสภาพคล่องสามารถเช่าที่ดินเพื่อนำมาพัฒนาโครงการฯได้ ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถรีเทิร์นได้มากขึ้น ถ้ามีการเปลี่ยนเงื่อนไขสัญญา จะทำให้มีโอกาสดำเนินธุรกิจได้มากขึ้น


          “อนาคตเศรษฐกิจไทยไปทางไหน เรามีปัญหาที่เข้ามาทิ่มแทง ซึ่งเป็นอุปสรรคผลักดันเศรษฐกิจไทยค่อนข้างสูง ส่วนจะพึ่งพาอุตสาหกรรมแบบเดิมได้หรือไม่  เรามีตัวอย่างหลายประเทศในโลก เช่น ญี่ปุ่น ที่เคยเป็นประเทศที่มีฐานอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ แต่มีการเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ทำให้ไทยได้รับอานิสงค์ในเรื่องนี้ไปด้วย อีกทั้งมีการสร้างสหภาพแรงงานขึ้นมา ทำให้เกิดความขัดแย้งในชุมชน ส่งผลให้นักลงทุนย้ายจากญี่ปุ่นมาอยู่ที่ไทย” 

 

          นายมีศักดิ์  กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาไทยพยายามผลักดันอุตสาหกรรมใหม่ขึ้นมาหากเปรียบเทียบในช่วงอีสเทิร์นซีบอร์ดในยุคนั้นไทยไม่มีคู่แข่งในการทำอุตสาหกรรม เพราะอุตสาหกรรมในประเทศจีนและเวียดนามยังไม่โตมากนัก แต่ปัจจุบันทั้ง 2 ประเทศเดินหน้าไปไกลแล้ว ทำให้นักลงทุนไทยหันไปลงทุนในประเทศเวียดนาม หลังจากนี้จะเดินหน้าอุตสาหกรรมต่อได้อย่างไร เพราะอุตสาหกรรมที่พึ่งพาในอดีตเป็นอุตสาหกรรมรถยนต์สันดาป แต่ปัจจุบันมีการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์อีวีแล้ว 

              “เราพบว่ามีบางประเทศที่กีดกันต่างชาติซื้อที่ดินภายในประเทศ เช่น เวียดนาม ส่วนประเทศมาเลเซียสามารถให้ต่างชาติซื้อที่ดินเพื่ออยู่อาศัยได้แต่ห้ามซื้อเพื่อการเกษตร ขณะที่ไทยไม่มีกฎหมายดังกล่าว แต่กลับมีการจัดตั้งบริษัทนอมินินีโดยให้คนไทยถือหุ้น 51% และต่างชาติถือหุ้น 49%” 

              นายมีศักดิ์  กล่าวต่อว่า  ส่วนการขายอสังหาฯต่างชาติภายใต้ข้อจำกัด ไม่ได้เปิดการขายแบบเสรี แต่เป็นการขายเพื่อให้ทราบดีมานด์การซื้อขายอสังหาฯของต่างชาติ และสามารถประกาศเป็นประเทศที่ซื้อขายอสังหาฯให้กับต่างชาติได้ ถือเป็นการจัดโปรโมชั่น  หากมีการผูกระบบประกันสุขภาพกับต่างชาติที่มาท่องเที่ยวในไทยได้ จะทำให้ได้เม็ดเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจจากภาคอสังหาฯด้วย 

“มันถึงเวลาที่เราต้องคุยแล้วว่าจะไปทางไหน หากเปลี่ยนแปลงได้จะทำให้เม็ดเงินโตเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจท้องถิ่น ซึ่งเรื่องนี้ต้องคุยให้ชัดเจน”

 


อ่านเพิ่มเติมได้ที่ :http:// https://www.thansettakij.com/property/532277?as=
ขอบคุณข้อมูลจาก :  ฐานเศรษฐกิจ

Share