ข้อดี-ข้อเสีย ของพื้นที่สำนักงานแต่ละประเภท
20 มิถุนายน 2560
มาลองตรวจสอบดูว่า พื้นที่สำนักงาน แต่ละชนิดนั้นแตกต่างกันอย่างไร? ไม่ว่าจะเป็น Home Office, Conventional Office (พื้นที่ว่างบนอาคารสำนักงาน) รวมทั้ง Serviced Office (ออฟฟิศสำเร็จรูป)
Home Office หรือสิ่งปลูกสร้างสำหรับใช้เป็นที่อยู่อาศัย และเป็นออฟฟิศด้วยในอาคารเดียวกัน โดยปกติมักอยู่ในรูปของ อาคาร Stand-Alone, อาคารพาณิชย์, ทาวเฮ้าส์
ข้อดี
• สามารถใช้เป็นที่อยู่อาศัยและเป็นสำนักงานไปด้วยในอาคารเดียว
• ยืดหยุ่นเพราะส่วนใหญ่เป็นการเช่าแบบผู้เช่าเดียว ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีกฎเกณฑ์ข้อบังคับเหมือนการอยู่รวมกันบนอาคารสำนักงาน เปรียบเสมือนอยู่บ้านเดียวกับอยู่คอนโดมิเนียม
• ปกติแล้วจะไม่มีค่าส่วนกลาง
• เป็นส่วนตัว ยืดหยุ่นต่อการตกแต่งต่อเติม
• โดยปกติแล้ว ราคาต่อตารางเมตรถูกที่สุดเนื่องจากไม่มีสาธารณูปโภคส่วนกลาง
• โดยปกติ จะมีความยืดหยุ่นในการต่อรองราคาและ เงื่อนไขการเช่า เนื่องจากผู้ให้เช่าส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นมืออาชีพด้านอสังหาริมทรัพย์
ข้อเสีย
• โดยปกติมักถูกมองว่ามีภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือและความเป็นทางการน้อยกว่าอาคารสำนักงาน ยกเว้น Home Office standalone ขนาดใหญ่ ที่มีการตกแต่งสวยงามมากๆ
• หาทำเลที่ใกล้รถไฟฟ้า หรืออยู่ใจกลางเมืองได้ยากหรือมีราคาแพง เนื่องจากปกติที่ดินในย่านธุรกิจใกล้รถไฟฟ้าส่วนใหญ่ถูกพัฒนาเป็นอาคารสูง เพื่อให้คุ้มค่ากับราคาที่ดินไปหมดแล้ว ดังนั้น home office ส่วนใหญ่จึงอยู่ไกลจากรถไฟฟ้า อยู่ในตรอกซอกซอย หรือนอกเขตธุรกิจ
• ต้องดูแลค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาอาคารทั้งภายนอกและภายใน บริเวณรอบอาคาร และความปลอดภัยเองทั้งหมด
• เสียค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ในการ ตกแต่งจัดหาเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์สำนักงานเองทั้งหมดในช่วงเริ่มต้น
• ในขณะที่ข้อดีคือการยืดหยุ่นต่อการตกแต่งต่อเติมพื้นที่ ในขณะเดียวกันหลายครั้งก็เป็นข้อจำกัดเนื่องจากอาคารประเภทนี้มักมีการกั้นห้องตามโครงสร้างดั้งเดิมอยู่แล้วซึ่งผู้ใช้เช่าส่วนใหญ่ ไม่ยินยอมให้ทำลายหรือเปลี่ยนแปลง ดังนั้น จึงอาจไม่เหมาะกับการใช้งานหรือจำนวนคนในบริษัท
• ไม่มีสาธารณูปโภคส่วนกลาง ทำให้ต้องพึ่งพาสาธารณูปโภคจากสิ่งแวดล้อม พื้นที่ใกล้เคียงทั้งหมด
• ในขณะที่ข้อดีคือความยืดหยุ่นของผู้ให้เช่าเนื่องจากไม่ได้เป็นผู้ให้เช่ามืออาชีพในวงการอสังหาฯ หลายครั้งก็เกิดปัญหาจากผู้ให้เช่าที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพที่ไม่เคารพกฎเกณฑ์ที่ตกลงกัน และเรียกร้องสร้างเงื่อนไขจุกจิก
Conventional Office หรือ พื้นที่ว่างบนอาคารสำนักงาน (ปกติจะ เป็นพื้นที่ว่าง พื้นเป็นคอนกรีต มีฝ้าเพดานแบบ T-Bar ให้)
ข้อดี
• สามารถตกแต่งจัดสรรพื้นที่ให้เป็นตามความต้องการของตัวเองมากที่สุดใน 3 ประเภท
• ผู้ให้เช่าเป็นฝ่ายดูแลรักษาพื้นที่ส่วนกลางเช่นโถงลิฟต์ พื้นที่บริเวณโดยรอบอาคาร ลานจอดรถ ภายนอกอาคาร เป็นต้น
• อาคารสำนักงานส่วนใหญ่มักมีทีมบริหารอาคารที่เป็นมืออาชีพ ทำให้สภาพส่วนต่างๆของอาคารอยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ และมีการรักษาความปลอดภัย กล้องวงจรปิด และระบบตรวจสอบผู้ผ่านเข้า – ออกจากอาคาร (ขึ้นอยู่กับแต่ละอาคาร)
• มีภาพลักษณ์ของบริษัทที่มั่นคง โดยเฉพาะถ้าอยู่ในอาคารที่เป็นเกรด A
• มีสาธารณูปโภคส่วนกลาง เช่นลานจอดรถ ศูนย์อาหาร บริเวณร้านค้าปลีก เป็นต้น (ขึ้นอยู่กับแต่ละอาคาร)
• อัตราค่าเช่าเฉลี่ยต่อคนถือว่าถูกกว่าการเช่าออฟฟิศสำเร็จรูป หรือServiced office (คำณวณเฉพาะอัตราค่าเช่า ไม่นับรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ)
ข้อเสีย
• เสียค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ในการ ตกแต่งจัดหาเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์สำนักงานเองทั้งหมดในช่วงเริ่มต้น
• มีข้อจำกัดในการทำกิจกรรมบางอย่างที่รบกวนผู้เช่ารายอื่น เนื่องจากมีผู้เช่าหลากหลายอยู่ในอาคารเดียวกัน
• ระยะเวลาของสัญญาตามมาตรฐาน 3 ปี ซึ่งถึงแม้จะสามารถตกลงกับผู้ให้เช่าขอทำสัญญาระยะสั้นได้ แต่ผู้ให้เช่ามักคิดราคาแพงขึ้นเพื่อชดเชยระยะสัญญาที่สั้นลง
• ต้องดูแลรักษาภายในพื้นที่เช่าเอง
• มีข้อจำกัด และกฎระเบียบที่ต้องปฏิบัติตามขึ้นอยู่กับผู้ให้เช่าของแต่ละอาคาร ทำให้บางครั้งขาดความเป็นอิสระ
• สำหรับบริษัทขนาดเล็ก ต้องเช่าพื้นที่เผื่อสำหรับบริเวณต้อนรับแขก ห้องประชุม, ฯลฯ เอง ถึงแม้พื้นที่เหล่านั้นจะ ไม่ได้มีการใช้ประโยชน์เท่าที่ควรก็ตาม
• ผู้เช่าเป็นผู้จ่ายค่าสาธารณูปโภคเอง ขึ้นอยู่กับการใช้งานจริง
Serviced Office ออฟฟิศสำเร็จรูป
ข้อดี
• ผู้ให้เช่าเป็นฝ่ายดูแลรักษาพื้นที่ส่วนกลางเช่นโถงลิฟต์ พื้นที่บริเวณโดยรอบอาคาร ลานจอดรถ ภายนอกอาคาร ฯลฯ และผู้ให้บริการฯ เป็นผู้ดูแลภายในพื้นที่เช่าทั้งหมด ดังนั้นผู้เช่าจึงไม่มีภาระหรือค่าใช้จ่ายอื่นใดในการบำรุงรักษาสำนักงานเลย
• ค่าสาธารณูปโภคคิดรวมอยู่ในค่าเช่ารายเดือนแล้ว
• มี Setup cost หรือ ค่าใช้จ่ายเก้อนแรกมื่อรับพื้่นที่ต่ำมาก เนื่องจากผู้ให้บริการจัดเตรียมสายโทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต และการตกแต่งพื้นที่ รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ไว้พร้อมแล้ว
• Startup time หรือระยะเวลาในการเริ่มใช้พื้นที่ต่ำมาก โดยปกติ สามารถเข้าทำงานหลังเซ็นสัญญาได้เลย
• ไม่ต้องเช่าพื้นที่เผื่อสำหรับการใช้งานที่เป็นครั้งคราว เช่น บริเวณรับแขกและโต๊ะพนักงานต้อนรับ หรือห้องประชุม ฯลฯ
• มีความยืดหยุ่นและเปิดรับการทำสัญญาระยะสั้นแบบเดือนต่อเดือน หรือราย 3 เดือน, 6 เดือน , 1 ปี หรือความยาวสัญญาแบบปกติที่ 3 ปีก็ได้
• ออฟฟิศสำเร็จรูปส่วนใหญ่มักอยู่ในอาคารที่อยู่ในทำเลระดับเกรด A มีการเดินทางสะดวกสบาย ใกล้รถไฟฟ้า มีสาธารณูปโภคครบครัน
• อาคารสำนักงานส่วนใหญ่มักมีทีมบริหารอาคารที่เป็นมืออาชีพ ทำให้สภาพส่วนต่างๆของอาคารอยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ และมีการรักษาความปลอดภัย กล้องวงจรปิด และระบบตรวจสอบผู้ผ่านเข้า – ออกจากอาคาร (ขึ้นอยู่กับแต่ละอาคาร)
• มีภาพลักษณ์ของบริษัทที่มั่นคง โดยเฉพาะถ้าอยู่ในอาคารที่เป็นเกรด A
• มีสาธารณูปโภคส่วนกลาง เช่นลานจอดรถ ศูนย์อาหาร บริเวณร้านค้าปลีก เป็นต้น (ขึ้นอยู่กับแต่ละอาคาร)
ข้อเสีย
• ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตกแต่งได้เลย หรือมีข้อจำกัดมากในการเปลี่ยนแปลงตกแต่งสิ่งติดตรึงเข้ากับพื้นที่เช่า
• ผู้ให้บริการบางรายคิดค่าใช้จ่ายซับซ้อนและจุกจิก ทำให้ต้องใช้ความระมัดระวังในการเลือกผู้ให้บริการ
• อัตราค่าเช่าเฉลี่ยต่อหัวสูงกว่าการเช่าพื้นที่ว่างในอาคารสำนักงานปกติ ไม่เหมาะสำหรับบริษัทที่มีพนักงานเยอะเกินกว่า 10 คนขึ้นไป
• การใช้งานอุปกรณ์สำนักงานส่วนกลางเช่นเครื่องถ่ายเอกสาร หรือเครื่องพิมพ์จะมีราคาสูงกว่าปกติเนื่องจากผู้ให้บริการจะคิดกำไรจากบริการดังกล่าว (สามารถแก้ไขได้โดยนำอุปกรณ์มาเอง สำหรับผู้ที่มีการใช้งานมาก)
• มีข้อจำกัดในการทำกิจกรรมบางอย่างที่รบกวนผู้เช่ารายอื่น เนื่องจากมีผู้เช่าหลากหลายอยู่ในอาคารเดียวกัน
• มีข้อจำกัด และกฎระเบียบที่ต้องปฏิบัติตามขึ้นอยู่กับผู้ให้เช่าของแต่ละอาคาร ทำให้บางครั้งขาดความเป็นอิสระ
• สำหรับบริษัทขนาดเล็ก ต้องเช่าพื้นที่เผื่อสำหรับบริเวณต้อนรับแขก ห้องประชุม ฯลฯ เอง ถึงแม้พื้นที่เหล่านั้นจะไม่ได้มีการใช้ประโยชน์เท่าที่ควรก็ตาม
ขอบคุณข้อมูลจาก: www.bangkokofficefinder.com