ค้นหาข้อมูลอสังหาริมทรัพย์

  • Projects
  • News
  • Property
  • How to

พฤกษาเรียลเอสเตท รื้อใหญ่ฮึดสู้วิกฤต โละสต๊อกกำหมื่นล้านลุยตลาด

07 สิงหาคม 2563

          พี่ใหญ่จัดสรร “พฤกษา เรียลเอสเตท” เปลี่ยนม้ากลางศึก ผ่าตัดองค์กรใหญ่สู้วิกฤตโควิด ดันลูกหม้อ “ปิยะ ประยงค์” ขึ้นแท่น CEO รื้อโมเดลลงทุน-เร่งสปีดโครงการแนวราบ ผุด “ฮีโร่ โปรเจ็กต์” ทำเล กทม.-ปริมณฑล เจาะตลาด 3-10 ล้าน ทั้งทาวน์เฮาส์-บ้านเดี่ยว เผยครึ่งปีแรกเทกระจาดสต๊อก 80% หวังกำเงินสด 1.5 หมื่นล้าน ลุยตลาดใหม่อีกครั้ง

         ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต้องเผชิญความยากลำบากในการทำธุรกิจภายใต้สถานการณ์โควิด ปรากฏว่าค่ายพฤกษาซึ่งครองแชมป์เป็นบริษัทที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่สูงที่สุดติดต่อกันหลายปี

          ล่าสุดนางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พฤกษาเรียลเอสเตทได้ลงนามแต่งตั้งผู้บริหารลูกหม้อที่มีอายุงาน 27 ปี คือ นายปิยะ ประยงค์ ขึ้นดำรงตำแหน่ง CEOคนใหม่ของบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) นับเป็นการผ่าตัดผังผู้บริหารครั้งใหญ่ในช่วงกลางปีเพื่อเข้ามารับผิดชอบบริหารจัดการธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 ที่มีความท้าทายเป็นอย่างยิ่ง โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2563 เป็นต้นไป

          ทั้งนี้ ตอนต้นปี 2563 พฤกษาฯประกาศแผนลงทุนพัฒนาโครงการโดยตั้งเป้ายอดขาย (พรีเซล) 38,000 ล้านบาท เป้ารายได้ 40,000 ล้านบาท ด้วยการวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 30 โครงการ มูลค่ารวมกัน 36,000 ล้านบาท

          แบ่งเป็นเป้าเปิดตัวสินค้าทาวน์เฮาส์มากที่สุด 18 โครงการ มูลค่ารวม 15,600 ล้านบาท, บ้านเดี่ยว 6 โครงการ มูลค่ารวม 6,400 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 6 โครงการ เจาะตลาดคอนโดฯ-แวลู (ตลาดกลาง-ล่าง) 4 โครงการ มูลค่ารวม 6,700 ล้านบาท กับคอนโดฯ-พรีเมี่ยม 2 โครงการ มูลค่ารวม 7,300 ล้านบาท

          เปรียบเทียบกับแผนลงทุนปี 2562 ที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ 36 โครงการ มูลค่ารวม 41,170 ล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์เฮาส์ 21 โครงการ มูลค่ารวม 16,500 ล้านบาท, บ้านเดี่ยว 8 โครงการ มูลค่ารวม 9,570 ล้านบาท, คอนโดฯ-แวลู 5 โครงการ มูลค่ารวม 8,440 ล้านบาท และคอนโดฯ-พรีเมี่ยม 2 โครงการ มูลค่ารวม 6,660 ล้านบาท

         เท่ากับแผนลงทุนปี 2563 มีการย่อตัวลงเล็กน้อย เป็นไปตามสภาวะตลาดที่เริ่มรับผลกระทบจากมาตรการ LTV-loan to value ตลอดจนปัจจัยลบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน และภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวต่อเนื่อง


           สำหรับช่วงครึ่งปีแรก 2563 มีปัจจัยกดดันเพิ่มเติมจากโรคระบาดโควิด ทำให้มีการรีวิวแผนลงทุนโดยในช่วงไตรมาส 1/63 เปิดตัวทาวน์เฮาส์ 3 โครงการ กับคอนโดฯ 2 โครงการ มูลค่ารวม 5,180 ล้านบาท ในขณะที่ไตรมาส 2/63ไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่แล้วหันมาเน้นแผนระบายสต๊อกคงค้างโดยเร็วที่สุด

           ในขณะที่ครึ่งปีหลัง 2563 พฤกษาฯลดสเกลการลงทุนลงโดยวางแผนเปิดตัวใหม่ 7 โครงการ แบ่งเป็นสินค้าแนวราบ 6 โครงการ กับคอนโดฯ 1 โครงการ มูลค่ารวมกัน 8,780 ล้านบาท เบ็ดเสร็จปีนี้เปิดตัวใหม่ 12 โครงการ มูลค่ารวม 13,960 ล้านบาท

           ล่าสุดเป็นที่แน่นอนแล้วว่า การแต่งตั้งCEO คนใหม่จะนำไปสู่การรีวิวแผนลงทุนใหม่อีกรอบ โดยคาดว่าเป็นแผนลงทุน aggressive เพื่อรักษาสถานะเจ้าตลาดในธุรกิจที่อยู่อาศัยต่อไป

          นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภารกิจเร่งด่วนในช่วง 6 เดือนที่เหลือของปีนี้มี 2 เรื่องหลัก คือ 1.รีวิวแผนลงทุนโครงการแนวราบ 2.ผลักดันยอดโอนคอนโดฯสร้างเสร็จในปีนี้ นโยบายบริหารในภาพใหญ่ที่เหลือเป็นเรื่องการเซตอัพแผนธุรกิจในระยะยาว

          สำหรับการรีวิวโครงการแนวราบ จะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนแบบแอ็กเกรสซีฟเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกแทบไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่เลย ขณะนี้มาสเตอร์แพลนยังไม่นิ่งแต่คาดว่าจะเปิดตัวสินค้าทาวน์เฮาส์ บ้านแฝด และบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 30-40% โดยจะมีการลอนช์แผนธุรกิจที่เรียกว่า”ฮีโร่ โปรเจ็กต์” เพื่อพลิกฟื้นยอดพรีเซลและยอดรับรู้รายได้ที่จะต้องเร่งสปีดให้ทันภายในปีนี้

          “เรื่องเร่งสปีดทำได้ทันทีเพราะจริง ๆ แล้วเราทำสินค้าสร้างเสร็จก่อนขาย ในช่วงครึ่งปีแรกที่คนกำลังแพนิกกับโรคระบาดโควิด บริษัทตัดสินใจใช้กลยุทธ์ลงทุนแบบคอนเซอร์เวทีฟด้วยการหยุดการก่อสร้างทั้งหมดไว้ก่อน ดังนั้น ในตอนนี้สามารถกลับมาเร่งสปีดโครงการสร้างค้างได้ทันที ซึ่งส่วนใหญ่การก่อสร้างมีความคืบหน้า 70% แล้ว ทำให้มีโอกาสสร้างเสร็จเร็วและโอนได้เร็ว”

          เซ็กเมนต์หลักที่จะเป็นตัวบุกเน้นตลาดกลาง-บน ได้แก่ บ้านเดี่ยวกลุ่มราคา 5-10 ล้านบาทขึ้นไป ภายใต้แบรนด์บ้านภัสสร กับเดอะ ปาล์ม,ทาวน์เฮาส์ราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป ภายใต้แบรนด์พฤกษา วิลล์ เดอะ พาทิโอ ฯลฯ ซึ่งมองว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพที่สุดในภาวะเศรษฐกิจฝืด เนื่องจากฐานลูกค้ามีกำลังซื้อ การขอสินเชื่อไม่ค่อยมีปัญหาถูกปฏิเสธสินเชื่อ

          ในด้านทำเลฮีโร่ โปรเจ็กต์เน้นปูพรมเปิดตัวโครงการในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลเป็นหลัก ตลาดต่างจังหวัดถือว่าลงทุนแบบประคองตัวมากกว่ากล่าวคือ โครงการที่มีอยู่เดิมก็รันการขายการโอนตามปกติ แต่ไม่มีการเปิดโครงการใหม่เพิ่มในปีนี้

          นายปิยะกล่าวต่อว่า วิกฤตโควิดทำให้พฤกษาฯทำเหมือนทุกบริษัทในวงการอสังหาฯทำนั่นคือ แข่งขันระบายสต๊อกเพื่อแปลงเป็นกระแสเงินสดเข้าบริษัทให้มากที่สุด ผลงานครึ่งปีแรกสามารถระบายสต๊อกได้ถึง 80% จากสต๊อกที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จพร้อมอยู่ ณ สิ้นปี 2562 มีจำนวน 7,739 ยูนิต มูลค่า 25,100 ล้านบาท ดังนั้น ช่วงครึ่งปีหลังทำให้บริษัทตัวเบาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเพราะไม่ต้องแบกสต๊อกเยอะอีกแล้ว

          ขณะเดียวกัน บริษัทมีแคชโฟลว์ 1.5 หมื่นล้านบาท ทำให้สามารถเดินหน้าการลงทุนใหม่ได้อย่างเต็มที่ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยพอร์ตรายได้มีการทบทวนใหม่เช่นกัน ปัจจุบันรายได้สินค้าแนวราบมีสัดส่วน 60% คอนโดฯ 40% หลังจากนี้และในปี 2564 คาดว่าเพิ่มบทบาทรายได้แนวราบเป็น 70%คอนโดฯเหลือ 30%

          “ช่วงครึ่งปีแรกโควิดทำให้เราโฟกัสผิดจุดไปเล็กน้อย ให้ความสำคัญกับการบริหารแคชโฟลว์เป็นอันดับ 1 ทำให้ลดบทบาทการเปิดตัวโครงการใหม่หมายความว่า ครึ่งปีแรกที่ผ่านมาพฤกษาฯดรอปในเรื่องยอดพรีเซลเพราะไม่ได้เปิดตัวโครงการใหม่ ครึ่งปีหลังงานเฉพาะหน้าผมต้องกลับมาดูทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยวซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนรายได้หลักให้กับองค์กร ที่สำคัญเป็นตลาดที่พฤกษาฯมีความชำนาญและเป็นเจ้าตลาดอยู่แล้ว”

 

ที่มา  :  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
https://www.prachachat.net/property/news-501393

Share