ค้นหาข้อมูลอสังหาริมทรัพย์

  • Projects
  • News
  • Property
  • How to

พรีคาสท์บูมรับอสังหาฯฟื้นแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน-ดีมานด์พุ่ง

17 มกราคม 2566

เปิดกลยุทธ์ภาคอสังหาฯ เพิ่มโอกาสโรงงาน“พรีคาสท์” รายใหญ่ “พฤกษา” ผนึก “เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง” สวอปหุ้น 51% แสนสิริ ประกาศลงทุนขยายกำลังการผลิต เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน พร้อมรองรับดีมานด์พุ่ง

ปัจจุบันบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายรายหันก่อสร้างโครงการต่างๆ โดยใช้ “พรีคาสท์ ” เพื่อความรวดเร็ว และได้ผลงานที่มีคุณภาพ ลดจำนวนการใช้แรงงาน แก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น

นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ความต้องการ “ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป” หรือ “พรีคาสท์” สูงขึ้น แม้ว่าราคาจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากต้นทุนคอนกรีตเพิ่มขึ้น 10-15% โดยกลุ่มลูกค้าหลัก คือ ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่ขยายโครงการทั้งแนวราบและแนวสูง

ที่ผ่านมาหากพูดถึงพรีคาสท์ “พฤกษา” ถือว่าเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกที่นำรูปแบบนี้มาใช้ตั้งแต่ปี 2547 ปัจจุบันมีกำลังการผลิตถึง 4.4 ล้านตร.ม./ปี แต่ใช้แค่ 50% เท่านั้น!! 

อุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กกำลังการผลิตที่เหลืออยู่ 50% บริษัทพยายามหาช่องทางจัดจำหน่ายเพิ่ม เนื่องจากมองเห็นโอกาสในการเติบโตของตลาดพรีคาสท์ จากดีมานด์ของดีเวลลอบเปอร์รายอื่น และปัญหาการขาดแคลนแรงงานจากการก่อสร้างแบบเดิม อย่างไรก็ตามการทำตลาดเองทำได้ช้า เนื่องจากไม่มีความชำนาญ จึงตั้งบริษัทใหม่ “อินโน พรีคาสท์” พร้อมดึง เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง พันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาร่วมงานด้วย

ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง มีมติอนุมัตินำหุ้นสามัญของ อินโน พรีคาสท์ สัดส่วน 51% ไปใช้ชำระมูลค่าหุ้น ให้แก่ บริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GEL โดย GEL จะออกหุ้นใหม่และจัดสรรให้แก่พฤกษา โฮลดิ้ง ในราคา 0.37 บาท/หุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงกว่าราคาตลาดเฉลี่ยย้อนหลัง 15 วันทำการ ร้อยละ 37 (รวมมูลค่าประมาณ 582 ล้านบาท) โดยคาดว่าจะสามารถทำรายการให้แล้วเสร็จภายในเดือน พ.ค.นี้
 

สำหรับการสวอปหุ้นครั้งนี้ นับเป็นข้อตกลงที่ได้รับประโยชน์ร่วมกันของทั้ง 2 บริษัท (Win-Win) เนื่องจากพฤกษา โฮลดิ้ง เล็งเห็นศักยภาพของ GEL ในฐานะผู้นำด้านการผลิต และจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ที่มีชื่อเสียง มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นวัสดุหลักในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลากหลาย ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง ผลิตภัณฑ์พรีคาสท์ เสาเข็มเจาะ เสาเข็มดินซีเมนต์ ชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูปสำหรับงานสาธารณูปโภค ฯลฯ

ทั้งยังมีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พรีคาสท์แก่ลูกค้าภาคอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างมาอย่างยาวนาน หลังจากการแลกหุ้นในอินโนพรีคาสท์ซึ่งประกอบธุรกิจพรีคาสท์ส่งมอบให้แก่พฤกษาแล้ว จะทำให้ GEL มีโอกาสในการเติบโตเพิ่มขึ้น

ด้วยการขยายอัตรากำลังการผลิตพรีคาสท์ที่สูงขึ้นสามารถลดต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วย (Economies of Scale) จากคำสั่งซื้อจากพฤกษามากกว่า 2,000 ล้านบาท/ปี และ ลูก Backlog ลูกค้ารายอื่นอีกกว่า 500 ล้านบาทในอนาคต เพิ่มความสามารถในการสร้างยอดขายได้สูงขึ้นกว่าเดิมจากที่ตั้งเป้าไว้ 1,000 ล้านบาท เพิ่มโอกาสการรับรู้รายได้สูงขึ้น ขณะที่พฤกษาเองจะมีต้นทุนการซื้อวัสดุในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ลดลง และมีการรับรู้รายได้ต่อเนื่องเพิ่มขึ้นจากการลงทุนผ่าน GEL พร้อมกันไปด้วย

ปัจจุบันลูกค้าของ GEL ขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดออร์เดอร์พรีคาสท์สูงกว่ากำลังการผลิต ดังนั้นหลังจากทำการสวอปหุ้นแล้วเสร็จ เมื่อรวมกำลังการผลิตของพฤกษาแล้ว จะทำให้ GEL กลายเป็นผู้ผลิตพรีคาสท์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย มีกำลังการผลิตสูงสุด เพิ่มขึ้นจาก 8 ล้านตร.ม./ปี เป็น 5.2 ล้านตร.ม./ปี

พฤกษาจึงมั่นใจว่าการถือหุ้น GEL จะเพิ่มรายได้ต่อเนื่องให้บริษัทฯ เนื่องจากศักยภาพของ GEL ที่มีประสบการณ์สูงในการดำเนินธุรกิจด้านวัสดุก่อสร้าง มีความเชี่ยวชาญด้านการตลาด ซึ่งจะช่วยขยายฐานไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ และจะทำให้อัตราการใช้ประโยชน์ (Utilization Rate) ของอินโนพรีคาสท์ในปัจจุบันที่ยังเหลืออยู่ได้ใช้ประโยชน์ได้สูงสุด

รวมถึงประโยชน์จากความร่วมมือทางธุรกิจจะส่งผลให้พฤกษา มีโอกาสในการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง (Recurring Income) เพิ่มขึ้น จากการถือหุ้นร้อยละ 18.26 ใน GEL และ ร้อยละ 49 ในอินโนพรีคาสท์

คาดว่ากำไรสุทธิของ พฤกษา โฮลดิ้ง ในปี 2566 จะเติบโตจากการรับรู้กำไรทางบัญชี (Accounting Gain) ประมาณ 700 ล้านบาท (คำนวณจากราคาหุ้น GEL ที่ราคา 0.37 บาท/หุ้น)

ขณะเดียวกันฝั่ง แสนสิริ ได้ประกาศลงทุน 2,500 ล้านบาท ขยายโรงงานพรีคาสท์สีเขียวเต็มรูปแบบ โดยตั้งเป้าหมายเป็นอสังหาฯ รายแรก ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ในปี 2050 เริ่มตั้งแต่การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ มีกำลังการผลิต 670 กิโลวัตต์ สามารถช่วยลดค่าไฟได้ประมาณ 20% ต่อปี

พร้อมวางนโยบายการบริหารจัดการของเสียภายในโรงงานด้วยการนำนวัตกรรมด้าน Waste Management ลดขยะภายในโรงงานได้มากถึง 98% ส่งผลให้โรงงานผลิตแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปของแสนสิริ ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO9001 & ISO14001 ทั้งระบบบริหารงานคุณภาพและระบบจัดการสิ่งแวดล้อมเป็นรายแรกของอสังหาฯ ไทย จากบริษัท ทูฟ นอร์ด (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นหน่วยงานรับรอง (Certification Body; CB) ที่ได้รับการรับรองจาก Accreditation Body เยอรมนี และได้รับการรับรองจาก Accreditation Body, NAC รวมทั้งได้รับการตรวจประเมินตามหลักเกณฑ์ รวมถึงการได้รับการรับรอง ฉลากเขียว จากกระทรวงอุตสาหกรรม

ล่าสุดแสนสิริขยายกำลังการผลิตเป็น 1,700,000 ตร.ม./ปี จากเดิม 1,200,000 ตร.ม./ปี และสามารถผลิตแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปที่ใช้ในการก่อสร้างที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 ยูนิต/ปี จากเดิม 3,500 ยูนิต/ปี หลังเพิ่มจำนวนเครื่องจักรและอัปเกรดเทคโนโลยีการผลิตแบบเต็มกำลังจากประเทศเยอรมนี ชูจุดเด่นด้านความแม่นยำในการกำหนดชิ้นงาน ทำงานได้รวดเร็ว ลดระยะเวลาการก่อสร้างและลดการใช้แรงงาน รวมทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตให้มีความคล่องตัวสูง 

พร้อมวางเป้าหมายว่าปีนี้จะเปิดโรงงานพรีคาสท์แห่งที่ 5 และ 6 อีกด้วย 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก  :  กรุงเทพธุรกิจ

 

Share